ศาสตราจารย์ ดร.สุจินต์ จินายน
อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร
ในปี พ.ศ. 2538 วโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลกได้จัดโครงการกระจายโอกาสทางการศึกษาสู่จังหวัดพะเยา เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ ทั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายของทบวงมหาวิทยาลัย ที่สนับสนุนให้มหาวิทยาลัยขยายเขตการศึกษาออกไปสู่ภูมิภาค มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา จึงถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปีการศึกษา 2538 เป็นต้นมา "สร้างโอกาสทางการศึกษา การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน " ในระยะเวลาที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคเหนือ โดยการผลิตบัณฑิตและพัฒนากำลังคนให้อยู่ในระดับสูงที่มีมาตรฐานสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ ตลอดจนได้ยกระดับการศึกษาของประชากรในจังหวัดพะเยาและจังหวัดใกล้เคียงให้มีโอกาสได้รับการศึกษาที่สูงขึ้นถึงระดับปริญญา ดังปรากฏในปีการศึกษา 2550 มีผู้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา กว่า 8,000 คน สอดคล้องกับรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2548 ซึ่งได้ระบุว่าในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา อัตราการศึกษาต่อของประชากรในภูมิภาคนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรายได้เฉลี่ยของประชากรในจังหวัดพะเยามีอัตราเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
(ที่มา : งานประชาสัมพันธ์ กองกลาง มหาวิทยาลัยพะเยา)
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กาญจนา เงารังษี
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กาญจนา เงารังษี ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้กล่าวว่าประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดพะเยา ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมีรายได้น้อย เยาวชนไม่ได้รับการศึกษา เมื่อเรียนจบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแล้วส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย เนื่องจากฐานะทางบ้านยากจนและมหาวิทยาลัยอยู่ไกล ทำให้จังหวัดพะเยามีปัญหาโสเภณีและปัญหาการตกเขียวเด็กหญิงเพื่อไปเป็นโสเภณี จากปัญหาดังกล่าว ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กาญจนา เงารังษี ในฐานะที่เป็นคนจังหวัดพะเยา ได้ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาโสเภณีและปัญหาการตกเขียวเด็กหญิงในจังหวัดพะเยา จึงได้มีแนวคิดในการแก้ไขปัญหา โดยการขยายโอกาสทางการศึกษาเพื่อให้เยาวชนในพื้นที่ได้มีโอกาสทางการศึกษา จึงได้นำเสนอให้มหาวิทยาลัยนเรศวรมาจัดตั้งวิทยาเขตที่จังหวัดพะเยาและมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการกระจายโอกาสและการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา ได้พิจารณาจากแผนอุดมศึกษาระยะยาว (พ.ศ. 2532-2547) มหาวิทยาลัยนเรศวร จึงเข้าไปให้การศึกษาในชุมชนและท้องถิ่นตามบทบาทของสถาบันอุดมศึกษา ประกอบกับได้มีการเรียกร้องจากประชาชนชาวจังหวัดพะเยาทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชนขอให้มหาวิทยาลัยนเรศวรเข้าไปจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นระบบแบบถาวร มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงได้เสนอขอจัดตั้งวิทยาเขตสารสนเทศขึ้นที่จังหวัดพะเยา
วิมล ปิงเมืองเหล็ก. (2559, 9 กันยายน). สัมภาษณ์
นางลดาวัลย์ วงศ์ศรีวงศ์
นางลดาวัลย์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งในขณะนั้นได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดพะเยา ได้มีแนวคิดที่จะแก้ไขปัญหาโสเภณีและปัญหาการตกเขียวที่เกิดขึ้นกับเด็กหญิงในพื้นที่จังหวัดพะเยา โดยการใช้วิทยุในการสื่อสารเพื่อพูดถึงสถานการณ์การตกเขียวและการแก้ไขปัญหา ซึ่งปัญหาดังกล่าวต้องมาจากการพัฒนาการศึกษา พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องส่งเสริมให้เยาวชนได้รับการศึกษา เยาวชนส่วนใหญ่ในจังหวัดพะเยา เมื่อเรียนจบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแล้วไม่ได้เข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย เนื่องจากทางบ้านมีฐานะยากจนและมหาวิทยาลัยอยู่ห่างไกลจากจังหวัดของตน จึงได้มีแนวคิดจัดรายการวิทยุซึ่งเป็นช่องทางในการสื่อสารข้อมูลให้กับประชาชนในจังหวัดพะเยา โดยตั้งคำถามว่า "ท่านต้องการมหาวิทยาลัยไหม" ซึ่งได้มีผู้แสดงความคิดเห็นมากมายและเป็นประเด็นที่มีผู้คนกล่าวถึงอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นการสื่อสารเพื่อให้เห็นความสำคัญที่ว่า "ทำไมพะเยาต้องมีมหาวิทยาลัย" ตัวแทนภาครัฐและเอกชนในจังหวัดพะเยา จึงรวมใจรวมพลังช่วยกันเรียกร้องเพื่อให้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัย โดยการจัดทำป้ายรณรงค์ ป้ายประชาสัมพันธ์และได้ทำหนังสือถึงรัฐบาลในยุคนั้น เพื่อให้รัฐบาลส่งผู้แทนเข้ามาสำรวจสถานที่สำหรับจัดตั้งมหาวิทยาลัย จึงกล่าวได้ว่า นางลดาวัลย์ วงศ์ศรีวงศ์ นับเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยพะเยา จนเป็นผลสำเร็จและเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกประจำจังหวัดพะเยา
(ที่มา : กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยพะเยา)
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปวง ธมมฺปญฺโญ)
เจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำ
แนวคิดในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในจังหวัดพะเยา ผู้คิดริเริ่ม คือ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปวง ธมมฺปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำ ในยุคที่มีเรื่องรถไฟสายเด่นชัย-พะเยา โดยได้มีการจัดเวทีเสวนา ณ ศาลากลาง จังหวัดพะเยา นำโดยคณะผู้บริหารที่เป็นบุคคลสำคัญในช่วงเวลานั้น ซึ่งท่านได้เข้าร่วมเวทีเสวนาด้วย ท่านได้กล่าวไว้ว่า "พะเยาถึงเวลาเป็นเมืองตักศิลา" เหตุเพราะจังหวัดพะเยาต้องเป็นเมืองแห่งการศึกษา ศิลปะและวัฒนธรรมที่สร้างความรู้ สร้างปัญญาให้กับผู้คนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดพะเยา
(ที่มา : กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยพะเยา)
|